วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4



จิตวิทยาการเรียน การสอน
จิตวิทยาคืออะไร?
คำว่า จิตวิทยาเป็นคำที่เข้าใจได้ยากและถูกเข้าใจผิดโดยคนส่วนใหญ่อยู่เสมอ สมัยที่ผมเอนทรานซ์และเลือกเรียนจิตวิทยา ผมคิดว่าจิตวิทยาน่าจะเป็นศาสตร์ที่ศึกษาเพื่ออ่านใจคน หรือไม่ก็เป็นการฝึกฝนพลังอำนาจทางจิต แต่พอได้เข้ามาเรียนแล้ว ผมพบว่าความเข้าใจของผมค่อนข้างจะห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่พอสมควร และผมไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีความเข้าใจผิดเช่นนี้
จากการได้พูดคุยกับผู้คนจำนวนมาก ผมพบว่าพวกเขาเองก็มีทัศนะต่อจิตวิทยาไม่ต่างอะไรกับผม เมื่อรู้ว่าผมร่ำเรียนจิตวิทยามา บ้างก็บอกว่าให้ผมทายว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ บ้างก็บอกว่าช่วยสะกดจิตให้ดูที ซึ่งผมก็ต้องอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่า ผมไม่ใช่หมอดูนะครับ

คำว่า จิตวิทยา” (Psychology) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกจากคำว่า “Psyche” ที่แปลว่า จิตใจ หรือจิตวิญญาณกับคำว่า “logos” ที่แปลว่า การศึกษาดังนั้นความหมายของจิตวิทยาในยุคแรกเริ่มก็คือ ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ

ความหมายของจิตวิทยา
          คำว่า “จิตวิทยา” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Psychology” มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก ๒ คำ คือคำว่า Psyche กับ Logos
            คำว่า Psyche หมายถึงวิญญาณ (Soul) กับคำว่า Logos หมายถึงวิชาการและการศึกษา (Study)
          ดังนั้น เมื่อทั้ง ๒ คำรวมกันจึงเป็นคำศัพท์ว่า Psychology มีความหมายว่าด้วยวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับวิญญาณ สมัยกรีกโบราณซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของการศึกษาจิตวิทยา นักปราชญ์ในสมัยนั้นจึงได้พยายามศึกษาค้นคว้าและหาคำตอบว่าวิญญาณ มีความสำคัญและมีอิทธิพลอย่างไรต่อการกระทำของมนุษย์ เป็นการศึกษาที่ไม่มีตัวตน ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้

          ประมาณปลายศตวรรษที่ ๑๙ เป็นต้นมา นักจิตวิทยายุคใหม่จึงเปลียนแนวทางศึกษาพฤติกรรม (Behaviors) มนุษย์และสัตว์เฉพาะ และได้นำระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ศึกษาหาคำตอบเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
          ในที่สุด  จิตวิทยา ได้รับการยอมรับให้เป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์วิชาหนึ่ง (Applied Science) ในยุคนี้มีนักวิชาการทางจิตวิทยาได้ให้ความหมายคำจำกัดความของจิตวิทยาไว้หลายท่านด้วยกันแต่ขอยกมาพอสังเขปดังนี้

            วิลเลียม เจมส์ (William James; 1890)[๓]  ได้ให้คำจำความไว้ว่า “จิตวิทยาเป็นวิชาที่ว่าด้วยกิริยาอาการของมนุษย์

            นอร์แมน แอล. มันน์ (Norman L. Munn; 1969) ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า “จิตวิทยา เป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาถึงพฤติกรรมโดยเน้นที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์

          จอห์น บี. วัตสัน (John B. Watson; 1913) เป็นนักจิตวิทยาคนแรกที่ได้ให้คำนิยามเกี่ยวกับจิตวิทยาไว้ว่า “จิตวิทยาเป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรม

            มอร์แกน (Morgan; 1971) ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า “จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์

            ฟิลแมน (Feldman; 1992) ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า “จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมและกระบวนการทางจิต ด้วยระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์

                วาเดและทาฟ์ริส (Wade & Tavris; 1998) ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า “จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมและกระบวนการทางจิต โดยศึกษาสิ่งเหล่านี้ได้รับอิทธิพลอย่างไรจากสภาวะทางร่างกายและสิ่งแวดล้อมภายนอก

          เติมศักดิ์  คทวณิช  (๒๕๔๖ได้สรุปความหมายของจิตวิทยาไว้ว่า “จิตวิทยาเป็นวิชาที่มุ่งศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยใช้ระเบียบวิธีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์

                จากคำจำกัดความที่กล่าวมาทั้งหมด  จะเห็นว่า “จิตวิทยา” เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมและกระบวนการทางจิต (Behavior and Mental Processes) ของมนุษย์ โดยศึกษาว่าพฤติกรรมเหล่านั้นได้รับอิทธิพลอย่างไร จากสภาวะทางร่างกาย สภาพจิตใจ และสิ่งแวดล้อมภายนอก

          สรุปได้ว่า จิตวิทยา คือ การศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องพฤติกรรมของสิ่งที่มีชีวิตโดยเฉพาะมนุษย์และสัตว์  โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเข้าใจ สามารถอธิบาย สามารถทำนาย กำหนดควบคุมพฤติกรรมและนำความรู้ไปประยุกต์ใช้

ความเป็นมาของจิตวิทยา (History of Psychology) 
          วิชาจิตวิทยามีการศึกษาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว มีนักปรัชญาคนสำคัญ คือ อริสโตเติล (Aristotle; 322-384 ก่อนคริสต์กาล) และเพลโต (Plato; 347- 427 ก่อนคริสต์กาล) ได้ศึกษาทำความเข้าใจและอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติการแสดงออกของมนุษย์ ส่วนใหญ่เเชื่อตรงกันว่ามนุษย์มีส่วนประกอบสำคัญสองส่วน คือ ร่างกาย (body) กับวิญญาณ (soul) วิญญาณจะมีอิทธิพลเหนือร่างกาย เพราะจะคอยควบคุมให้ร่างกายกระทำสิ่งต่าง ๆ

          ดังนั้น การที่จะเข้าใจมนุษย์ได้จึงต้องอธิบายวิญญาณให้ชัดเจนก่อน แต่การอธิบายวิญญาณในยุคกรีกโบราณนั้น มักนิยมหาคำตอบเกี่ยวกับวิญญาณโดยใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลของตนเองผสมผสานกับความเชื่อทางศาสนาในขณะนั้น ทำให้ได้คำตอบไม่แน่นอนและไม่ชัดเจน  นักจิตวิทยาในยุคต่อมาจึงเรียกวิธีนี้ว่าอาร์มแชร์ (Armchair method) เพราะเป็นวิธีการหาคำตอบแบบนั่งอยู่กับที่ ไม่มีการค้าคว้า วิจัย ทดลอง หรือพิสูจน์ในเชิงวิทยาศาสตร์ให้เห็นจริง
          เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญ มีผู้พยายามศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาเพื่อใช้อธิบายเกี่ยวกับวิญญาณแต่ก็ยังไม่ได้รับความรู้เพิ่มเติมแต่อย่างได จึงทำให้นักจิตวิทยาหันมาสนใจศึกษาเกี่ยวกับจิต (Mind) แทน

จุดมุ่งหมายของจิตวิทยา (Aims of Psychology)
          จิตวิทยาเป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมภายนอกและพฤติกรรมภายใน โดยมีจุดมุ่งหมายดังต่อไปนี้
          ๑. เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมภายนอก หรือพฤติกรรมภายใน ที่เรี่ยกว่า กระบวนการทางจิต  อันจะทำให้เข้าใจตนเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น
          ๒. เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถอธิบายพฤติกรรม ทั้งหลายที่เกิดขึ้นได้ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดพฤติกรรมต่าง ๆ โดยนักจิตวิทยาทั้งหลายจะใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาคำตอบ เพื่ออธิบายพฤติกรรมทั้งหลายเหล่านั้น
          ๓. เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถทำนายพฤติกรรม หมายถึงการคาดคะแนผลที่จะเกิดขึ้นจากสาเหตุต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
          ๔. เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถควบคุมพฤติกรรม ที่ไม่พึงประสงค์ให้ลดลงหรือหมดไป และขณะเดียวกันให้สามารถเสริมสร้างพฤติกรรมที่พึงปรารถนาให้เกิดขึ้นใหม่ได้ด้วย
          ๕. เพื่อให้ผู้ศึกษานำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของจิตวิทยา
๑.      ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์
๒.     ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจพัฒนาการของมนุษย์
๓.     ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจและรู้พื้นฐานทางสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์
๔.     ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจการรับสัมผัสและการรับรู้
๕.     ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ
๖.      ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจสิ่งสำคัญที่เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้และการถ่ายโยงการเรียนรู้
๗.     ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจเชาวน์ปัญญาและตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อเชาว์ปัญญาของมนุษย์แต่ละบุคคล
๘.     ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจวิธีการประเมินและวัดบุคลิกภาพได้และแนวทางในการปรับปรุงบุคลิกภาพของตนเอง
๙.   ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจความหมายของสุขภาพจิตและสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพจิต รู้วิธีการบำบัดรักษาผู้มีอาการทางจิตและการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีให้กับตนเองและผู้อื่น
๑๐. ทำให้ผู้ศึกษามีวิธีในการปรับตัว มีกลวิธานในการป้องกันตนเองและเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการให้กลวิธานในการป้องกันตนเอง
๑๑. ทำให้ผู้ศึกษาเกิดการรับรู้พฤติกรรมทางสังคม (Social Perception)         ที่มีต่อพฤติกรรมทางสังคมและนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองและสังคมได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ




บทสรุปของจิตวิทยา
          จิตวิทยา คือ การศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องกระบวนการของจิต และพฤติกรรม
ของสิ่งที่มีชีวิตโดยเฉพาะมนุษย์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาพฤติกรรมทั้งภายในและภายนอกของมนุษย์ที่เรี่ยกว่ากระบวนการทางจิต อันจะทำให้เข้าใจตนเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น สามารถอธิบายพฤติกรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นได้ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดพฤติกรรมต่าง ๆ  โดยนักจิตวิทยาทั้งหลายจะใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาคำตอบเพื่ออธิบายพฤติกรรมทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้สามารถควบคุมพฤติกรรม ที่ไม่พึงปรารถนาให้ลดลงหรือหมดไป และขณะเดียวกันให้สามารถเสริมสร้างพฤติกรรมที่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นใหม่ได้ด้วย และเพื่อให้ผู้ศึกษานำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จิตวิทยาเป็นวิชาที่ใกล้เคียงกับพระพุทธศาสนาในโอกาสต่อไปจะเขียนบทความทางด้านวิชาพุทธจิตวิทยา เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าจิตวิทยาในพระพุทธศาสนามีความเป็นเลิศอย่างไร อย่างเช่น ท่านพุทธทาสภิกขุ กล่าวว่า “การศึกษาเรื่องจิตในด้านต่าง ๆ  เพื่อการดับทุกข์ การศึกษานั้นเรียกว่า การศึกษาจิตวิทยาในพระพุทธศาสนา